เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน รวมกวีนิพนธ์ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคีเป็นงานกวีนิพนธ์ใช้ฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ เป็นหลัก มีบทกวีวัจนะและกลอนเพลงพื้นบ้านแทรกอยู่เล็กน้อย แบ่งเนื้อหาสาระในเล่มเป็น ๒ ภาค

ภาคที่ ๑ เราจากบ้านนานไกลเพื่อใกล้ฝัน เป็นการบอกเล่าเรื่องของชีวิตที่จากบ้านเกิดเมืองนอน มาต่อสู้กับวิถีสังคมเมืองกรุงที่ตนเองไม่คุ้นเคย ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ดังความตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า

“ฉันคือผู้โดยสารผ่านวังวน                                 กระเสือกกระสนทนข้ามฝ่าความหนาว
หนาวทรงจำทิ่มแทงใต้แสงดาว                         หนาวตะวันเคยผ่าวหนาวน้ำตา”

เรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านพบ ประเมินภาพรวมออกมาคืออยากกลับบ้านมีโวหารงดงาม มีศิลปะและเชิงชั้นวรรณศิลป์

ภาคที่ ๒ เพื่อฝ่าฟันทางเก่ากลับเข้าบ้าน กล่าวถึงเรื่องราวสิ่งที่ได้พบเห็น
และบทสรุปว่า

“เราจากบ้านนานไกลเพื่อใกล้ฝัน                       และฝ่าฟันทางเก่ากลับเข้าบ้าน
มากราบรูป ธูปหนึ่งดอก บอกวิญญาณ                ว่าวันนี้ลูกหลานกลับบ้านแล้ว”

ในส่วนนี้กวีทำได้อย่างมีเชิงชั้นวรรณศิลป์ ทั้งด้านฉันทลักษณ์ถูกต้องตามกฎเกณฑ์เนื้อหาสาระเหมาะสมกลมกลืน การใช้ถ้อยคำได้รสคำ รสความ

รวมบทกวี เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน กวีเสนอแนวคิดและเป้าหมายชัดเจน ภาษาเรียบง่ายเป็นรสแห่งถ้อยคำที่นำมาร้อยกรองให้เกิดความรู้สึกและจินตภาพได้ เนื้อหาสาระมีสัมพันธภาพตามหัวข้อที่กำหนด

คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน ผลงานของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕