“หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน เป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในชุมชนแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตยึดโยงอยู่กับผู้มีอิทธิพลในชุมชนซึ่งทำธุรกิจร้านนวดที่แฝงการค้าบริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เม็ดเงินจากธุรกิจสีเทาเช่นนี้สร้างรายได้และความกินดีอยู่ดีให้แก่ชาวบ้าน พระเดชและพระคุณของผู้มีอิทธิพลในชุมชนจึงทำให้ชาวบ้านสมัครใจเข้าร่วมในวงจรนี้ เพื่อให้อิ่มท้อง มีงานทำ มีคุณภาพชีวิต มีอนาคตและมีความหวัง ยิ่งผู้มีอิทธิพลในชุมชนจับมือกับนักการเมืองท้องถิ่นนำธุรกิจของตนไปควบรวมไว้กับโครงการสวยหรูของรัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแนบเนียน ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจสีเทาได้รับการฟอกขาวจนสามารถขยายกิจการให้ใหญ่โตอลังการมากยิ่งขึ้น
แต่ในท่ามกลางความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมนานาประการก็ก่อเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แม่ทิ้งลูก พ่อปฏิเสธความรับผิดชอบ ลูกกำพร้าที่ถูกทิ้งขว้าง การละทิ้งบ้านเกิด การถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ การไม่พึ่งพาตนเอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ชีวิตไม่ได้ดำมืดไปเสียทั้งหมด ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าความรักคือสิ่งประคับประคองหล่อเลี้ยงใจให้ก้าวข้ามความท้อแท้เจ็บปวดในแต่ละวันแต่ละคืนไปได้ ผู้อ่านจะประจักษ์ในความรักบริสุทธิ์ระหว่างหญิงชาย ระหว่างเพื่อน ระหว่างปู่ย่ากับหลาน ระหว่างพ่อแม่กับลูก และความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมทุกข์ อีกทั้งผู้เขียนยังทำให้ตระหนักรู้ว่าครอบครัวเข้มแข็งคือรากฐานที่แข็งแกร่งของสังคม
คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔