สะพานแสงคำเป็นนวนิยายรัก ซึ่งผู้เขียนนำเรื่องราวในอดีตช่วงที่รัฐต่าง ๆ แถบล้านนากำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ เมื่อลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกแผ่มาถึงพร้อม ๆ กับการขยายอิทธิพลของรัฐใหญ่อย่างสยาม มาโยงใยเข้ากับยุคปัจจุบันซึ่งผู้คนต่างก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อดำเนินชีวิตในโลกที่ลัทธิทุนนิยมและวัตถุนิยมกำลังครอบงำอยู่ โดยมี “สะพานแสงคำ” ในภาพเขียนภาพหนึ่งเป็นทางเชื่อม เมื่อใดที่เมษาริน ตัวละครเอกของเรื่องก้าวข้ามสะพานนั้น เธอก็ได้เดินทางย้อนเวลาไปกว่าร้อยปี ได้เข้าไปเป็นพยานร่วมรู้เห็นเส้นทางชีวิตของ “คำประพาฬ” หรือ “เจ้าเอื้อย” เจ้าหญิงแห่งรัฐล้านนา ตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยจนเติบใหญ่เป็นหญิงสาวผู้งามพร้อม และในขณะเดียวกันก็ได้ร่วมสัมผัสกับโลกรอบตัวของเจ้าหญิง ซึ่งมีทั้งความขัดแย้งทางการเมือง การช่วงชิงผลประโยชน์ ความรัก ความแค้น ความเกลียดชัง และการทรยศหักหลัง การเดินทางข้าม “สะพานแสงคำ” กลับไปสู่อดีตแต่ละครั้ง ไม่เพียงทำให้ “เมษาริน” (และผู้อ่าน)ได้รับรู้และระทึกใจไปกับชะตากรรมของเจ้าเอื้อยรวมทั้งเหตุการณ์บ้านเมืองของยุคนั้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เธอมองผู้คนและภาวะการณ์ที่แวดล้อมตัวเธออยู่ในโลกปัจจุบันด้วยทัศนะที่แจ่มกระจ่างขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่การเข้าใจ “ความจริงและความลวง” ในตอนสุดท้ายของเรื่อง
ปิยะพร ศักดิ์เกษม ได้ค้นคว้าหาข้อมูลและใช้ความสามารถในเชิงวรรณศิลป์พรรณนาภาพเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยนั้นอย่างมีชีวิตชีวาและสมจริง ทั้งยังสอดรับกับเรื่องราวและตัวละครที่เธอจินตนาการขึ้นได้แนบเนียนลงตัว ทำให้สะพานแสงคำ เป็นนวนิยายรักข้ามภพข้ามเวลาที่มีเสน่ห์ชวนติดตาม สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประจำปี 2551