รักในรอยบาป นำเสนอความ “แตกสลาย” อันเป็นชะตากรรมร่วมกันของตัวละคร ภายใต้เงื้อมเงาของ เงาจันทร์
แผลแรกจากประสบการณ์ผลักหลายชีวิตเข้าสู่วังวนแห่งทุกข์ที่ยากจะพบทางออก ชีวิตของตัวละครดุจดังแก้วที่แตกหักจากการเฆี่ยนตีของผู้เขียนซึ่งมิได้ปรารถนาจะ “ซ่อม” สู่ความบริบูรณ์ การอ่านนิยายเล่มนี้ คือการตอบรับคำเชิญให้ก้าวเข้าสู่มุมหม่นของโชคชะตา ซึ่งแท้จริงคือจุดอับ ที่ผู้เขียนขับต้อนตัวละครให้ “จนมุม“ อย่างศิโรราบอยู่ก่อนแล้ว ผู้อ่านมิอาจร่วมคิด ร่วมหวัง ร่วมฝัน ถึงทางออกอันสว่างไสวใด ๆ ได้เลย ทำได้แค่เพียงยอมจำนนต่อบาดแผลของตัวละคร โดยมอบตัวเองเป็นผู้เฝ้าดูการเดินทางสู่ความอับปางในชีวิต
อภิสิทธิ์ในฐานะของพยานคือ การที่ผู้อ่านได้ประจักษ์ถึงสุนทรียภาพที่ซุกซ่อนอยู่ในความร้าวรานของสรรพสิ่ง ในความวิปริตของตัวละครมีความวิจิตรอย่างยิ่งยวด มีความงามแตกเส้นสายออกมาจากการมองโลกที่บิดเบี้ยว คลื่นอารมณ์ยามดำดิ่งก่อระลอกเป็นความแปรผันอันซับซ้อน ความดี-ความชั่วคือการสร้างภาพเชิงศิลปะ สิ่งสามัญที่ถูกมองข้ามฉับพลันกลับมีสีสันเจิดจ้าน่าพิศวง ความแปร่งปร่ากลับเร้าความปรารถนาให้ใคร่ลิ้มลอง “ทิพยรส” อันจะเกิดขึ้นกับจิตที่ผิดปกติเท่านั้น การเตลิดไปดื่มด่ำกับภาวะ “หลุดลอย” ของเหล่าตัวละครเพียงชั่วครู่ กลายเป็นประสบการณ์น่าตื่นใจของผู้อ่าน
…ที่สุดแล้ว เราคงไม่จำเป็นต้อง “ซ่อม” แก้วที่แตกหัก เพราะอาจทำให้พลาดการได้ยลแถบรุ้งงาม
…ที่สุดแล้ว การเป็นผู้พินิจ อาจทำให้พบความวิจิตรในเสี้ยวชีวิตที่แตกสลาย
ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยายจึงมีมติให้ นวนิยายเรื่อง รักในรอยบาป ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในปีพุทธศักราช 2559