นวนิยายเรื่อง “จับต้นมาชนปลาย” นำเสนอชีวิตของมนุษย์ที่ทับซ้อนข้องเกี่ยวกัน การกระทำทุกอย่างล้วนส่งผลกระเพื่อมไหวไปยังทุกชีวิตที่มาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง สร้างเงื่อนปมให้แต่ละชีวิตโยงใยกันอย่างซับซ้อน สิ่งที่เรามักจะมองเห็นเป็นเพียงปลายของเหตุที่มาก่อนหน้านั้น และเมื่อสาวไปถึงต้น ก็จะพบว่าเป็นปลายของเหตุที่มาก่อนหน้านั้น อีกทีหนึ่ง จนอาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป ปลายของเรื่องหนึ่งย่อมเป็นต้นของอีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด
เรื่องราวเริ่มต้นที่คู่รักสมัยวัยเรียนได้มาพบปะกันอย่างไม่นึกฝัน หลังจากต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตครอบครัวจนลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาว การหวนมาพบกันครั้งนี้เป็นจุดเริ่มให้ทุกชีวิตในครอบครัวทั้งสองมาพัวพันกันจนยุ่งเหยิง เรื่องจบลง ณ สถานที่ตอนเริ่มต้นเรื่องหลังจากที่ตัวละครทั้งคู่ได้พานพบและบอบช้ำกับปัญหาต่าง ๆ จนทำให้เติบโตทางอารมณ์ นำไปสู่ความเข้าใจชีวิต เมื่อ “จับต้นมาชนปลาย” เรื่องราวทั้งหมดที่ผูกร้อยเข้าหากันได้
ผู้เขียนใช้เหตุบังเอิญผูกเรื่องราวได้อย่างแยบยล แต่ละเหตุการณ์เรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างสมเหตุสมผล เงื่อนปมชีวิตของตัวละครแต่ละตัวชวนให้ติดตามว่าตัวละครจะหาทางออกอย่างไร ความสับสนวุ่นวายต้องอาศัยสติเพื่อการใคร่ครวญ จัดการกับปัญหาบางปัญหา ปล่อยวางกับปัญหาบางปัญหา และท้ายที่สุด ทำความเข้าใจกับทุกข์ของผู้อื่นมากกว่าหมกมุ่นกับทุกข์ของตน รู้เท่าทันว่าแม้ปัญหาจะคลี่คลาย แต่ก็ยังมีปัญหาใหม่ที่กำลังก่อตัวอยู่เสมอ เราต้องพร้อมรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นทุกจังหวะย่างก้าวของชีวิต
คณะกรรมการรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทนวนิยายจึงมีมติให้ “จับต้นมาชนปลาย” ของ ชมัยภร แสงกระจ่าง เป็นนวนิยายที่สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทนวนิยาย ประจำปี 2557