นวนิยายสะท้อนรากเหง้าของปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่เกิดจากความล่มสลายของสถาบันหลักในสังคม   ไม่ว่าจะเป็นทหารกดขี่รังแกประชาชน   ข้าราชการฉ้อฉลเอาเปรียบ   พระสงฆ์ทุศีลที่มัวเมากับราคะ   และครูที่ล่อลวงลูกศิษย์   และที่ลึกลงไปในพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้คือกิเลสตัณหาที่ไม่มีวันจบสิ้น  จึงล่อลวงให้มนุษย์เห็นถูกเป็นผิด  ผิดเป็นถูก  ปัญหาจึงสั่งสมโดยไม่มีวันแก้ไข

ผู้เขียนนำเสนอความเลวร้ายในชุมชนแห่งหนึ่ง  ผ่านสายตาและการบอกเล่าของตัวละคร 2 ตัว  หนึ่งคือ ไอ้เท่ง  ตัวตลกในหนังตะลุง   อีกหนึ่งคือลุงส่ง ชายขี้เมาขาพิการ   ไอ้เท่งเป็นตัวตลกไร้ชีวิตที่มีเพียงเงาโลดเต้น   เป็นเหมือนจิตวิญญาณที่ห่วงใยชาวบ้านชุมชน  แต่ เมื่อเป็นเพียงเงา  และตัวตลก   คำบอกเล่าของไอ้เท่งจึงเหมือนนิยายโกหกที่ไม่มีใครเชื่อ  เช่นเดียวกับลุงส่ง  คนพิการขี้เมาที่ไม่มีใครเชื่อคำพูด  ดังนั้นแม้เขาจะชี้ตัวเจ้าอาวาสทุศีลและครูใหญ่กระหายกามว่าเป็น  “ผู้ร้าย”  ในชุมชน  แต่ทุกคนก็เห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล   การเลือกไอ้เท่งและลุงส่งเป็นผู้เล่าเรื่องจึงตอกย้ำการที่ผู้คนปฏิเสธที่จะเข้าถึงความจริง  ความเลวร้ายจึงฝังรากลึกต่อไปตราบนานเท่านาน  น่าเสียดายที่ผู้เขียนทิ้งตัวละครนี้ไปในตอนท้ายเรื่อง  บทจบจึงไม่สวยงามเท่าที่ควร

การเลือกใช้กลวิธีเหนือจริงเพื่อบอกกล่าวความจริงนับเป็นกลวิธีทางวรรณศิลป์ที่โดดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้   นอกจากผู้เล่าเรื่อง  การสร้างบรรยากาศ  และเหตุการณ์อาเพศผิดธรรมชาติแล้ว  การให้แม่เฒ่าเปาะเจ๊ะหอนทุกปีเมื่อถึงวันครบรอบการตายของลูกชาย  ก็สร้างบรรยากาศลี้ลับชวนสยอง   แต่เป็นกลวิธีที่แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านได้ต่อสู้กับความอยุติธรรมด้วยวิธีอหิงสา  เสียงหอนของยายเฒ่าเรียกร้องความชอบธรรมให้ลูกชายที่ถูกทหารพรากชีวิตอย่างโหดเหี้ยม   เพราะทุกปีผู้คนก็จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกันอีกครั้งและอีกครั้ง  ความตายของผู้บริสุทธิ์จึงไม่เคยถูกลืม

อย่างไรก็ตาม   แม้นวนิยายเรื่องนี้จะแสดงความมืดดำของชีวิต  ความเลวร้ายในจิตใจของผู้คน  และความจริงที่เป็นเพียงเงาที่จับต้องไม่ได้   แต่ท้ายที่สุด  ผู้เขียนก็ยังฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่  ที่จะกล้ากบฏต่ออำนาจและมายาคติที่ทำให้เกิดการแบ่งแยก  เพื่อว่าในที่สุดแล้วเราจะมีสังคมใหม่ที่ดีกว่าเดิม

นวนิยายเรื่องเล่นเงา ของจิรภัทร อังศุมาลี จึงสมควรรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่น              บุ๊คอวอร์ด ประจำปี 2551