จากวันจันทร์ของชีวิต…วันศุกร์ต้องมาถึง เป็นบันเทิงคดีแนวสมจริงที่สะท้อนสังคมและชีวิตของวัยรุ่นที่ประสบปัญหาความไม่เข้าใจและความรุนแรงในครอบครัว จนเก็บกดและผลักดันให้ขาดสติก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต จนต้องรับโทษในสถานกักกัน เป็นประดุจสินค้ามีตำหนิ แต่ความเป็นคนดี กำลังใจและการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่เข้าใจและหวังดี  ก็ช่วยให้เขากลับมาเดินบนเส้นทางชีวิตปกติได้ในที่สุด

ผู้แต่งนำเสนอเรื่องราวสะเทือนอารมณ์ผ่านประสบการณ์ชีวิตของ    ‘ฝาย รั้วรัก’ เด็กหนุ่มในครอบครัวฐานะปานกลางผู้มีจิตใจดี รักธรรมชาติ บทกวีและดนตรี แต่การมีครอบครัวที่ไม่อบอุ่น บิดาใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการไม่ยอมรับความสนใจของลูกชายที่ต่างไปจากความมุ่งหวังของตนเอง สร้างความผิดหวัง เสียใจแก่ฝายอย่างมากและกลายเป็นความเก็บกด    และถึงที่สุดเมื่อถูกพ่อด่าว่า ส่องไฟฉายใส่หน้าและเผาทำลายสมุดจดบทเพลงที่เขาแต่งด้วยความรักและความตั้งใจ ทำให้ฝายขาดสติเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่มีรถส่องไฟใส่ขณะที่เขาขี่จักรยานหนีความรุนแรงของพ่อไปบ้านยาย จึงระบายอารมณ์โกรธด้วยการขว้างก้อนหินจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้เสียชีวิตและเป็นโศกนาฏกรรมในชีวิตของตนเอง ทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในสถานกักกัน ‘บ้านรั้วรัก’ เป็นเวลานานกว่าสามปี

ด้วยพื้นฐานที่เป็นคนดีฝายสำนึกผิดและยอมรับโทษด้วยความอดทน ในขณะเดียวกันก็ศึกษาต่อทางไกล ประพฤติตนดี ยึดมั่นในความถูกต้องและช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์นั้นฝายอยู่อย่างมีความหวัง โดยสร้างนาฬิกาแห่งความหวังและการรอคอยด้วยการเก็บใบไม้แทนแต่ละวันสะสมไว้ใต้หมอน   ฝายรักและรอคอยวันศุกร์โดยเฉพาะวันศุกร์สิ้นเดือนซึ่งเขาจะได้พบแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง ชีวิตของฝายในช่วงที่อยู่บ้านรั้วรักจึงเปรียบเสมือนวันจันทร์ของชีวิต…ไม่ว่าจะยาวแค่ไหนวันศุกร์ต้องมาถึงจนได้ อันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง แล้วในที่สุดด้วยผลแห่งการประพฤติดีเขาก็ได้รับอิสรภาพก่อนกำหนดหลายเดือนเมื่อฝายก็ได้กลับไปมีชีวิตปกติ เขาเป็นนักร้องอาชีพ ดูแลแม่ซึ่งแยกทางกับพ่อแล้วอย่างดี บวชทดแทนคุณพ่อแม่ อุปถัมภ์น้องบุญธรรมซึ่งเป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุที่ฝายเป็นต้นเหตุ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมตามโอกาส