ผู้เขียนสร้างโครงเรื่องได้ดี เนื้อหาลึกซึ้งกินใจสะท้อนสภาพสังคมในปัจจุบัน เล่าเรื่องด้วยภาพได้ตื่นเต้นสนุกและน่าประทับใจ มีการใช้มิติเวลาในเรื่องโน้มนำให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ ฝีมือการวาดภาพโดดเด่นกว่าผลงานอื่น ๆ

เนื้อเรื่องโดยย่อเป็นชีวิตของ “อ๊อด” เด็กที่ถูกทิ้งที่กองขยะตั้งแต่แรกคลอดและมีหญิงชื่อ “วันนิภา” นำมาเลี้ยงและเติบโตขึ้นมาอย่าง “อ้างว้าง โดดเดี่ยว และสิ้นหวัง” มีปัญหาทะเลาะวิวาท ติดเกม และก้าวร้าว เมื่อถูกดุด่าตบตีก็รู้สึกว่า “ยัยวันนิภา” เลี้ยงตัวเองมาเพื่อรองมือรองตีน เมื่ออารมณ์ไม่ดีจากการเสียพนัน ถึงขั้นคิด “ฆ่า” ผู้ที่เลี้ยงตัวมา แต่เขามารู้ความจริงจากสมุดบันทึกของ “วันนิภา” และเสียงฝากข้อความทางโทรศัพท์ว่าที่จริงแล้ว “แม่วันนิภา” เลี้ยงตัวเขามาด้วยความรักและห่วงใยตลอดเวลา อดทนเลี้ยงดูแม้ชีวิตก็ยอมสละได้ “อ๊อด” ได้เกิดสำนึกจึงพา “วันนิภา” ที่กำลังป่วยหนักไปโรงพยาบาลระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถชนกันทำให้ “อ๊อด” เสียชีวิต และเมื่อวิญญาณอยู่ในนรก “อ๊อด” ได้ขอกับพระยายมให้ตัวเองได้กลับมาทดแทนบุญคุณ “วันนิภา” ก่อน แม้ตัวเองจะต้องไปเกิดเป็นอสุจิอีกล้านชาติก็ตาม ซึ่งพระยายมก็อนุญาต “อ๊อด” จึงกลับมาพา “วันนิภา”   ถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าต้องมีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะซึ่ง “อ๊อด” ก็ยอมสละตัวเอง ในช่วงท้าย ๆ เรื่องเป็นการนำเสนอภาพประทับใจและสะเทือนใจที่ “อ๊อด” ระลึกถึง “แม่วันนิภา” ก่อนที่เขาจะกลับไปเป็นอสุจิอีกครั้ง